เนื่องจากอาหารเสริมกำลังได้รับความนิยมมาก ยิ่งในสถานการณ์ที่ช่วงในช่วงชีวิตที่ต้องเร่งรีบ แข่งขันกันตลอดเวลาแบบนี้ ทำให้หลายคนอาจจะละเลยในเรื่องของสุขภาพ ซึ่งหนึ่งวิธีที่จะช่วยดูแลสุขภาพนอกจากการทานอาหาร ก็คือ การเลือกทานอาหารเสริม ซึ่งใครที่อยู่ในวงการอาหารเสริมมาก่อน คงรู้และมีข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับยาบำรุงเลือด ยี่ห้อไหนดีกันมาก่อนบ้างแล้ว บางคนที่กินวิตามินบำรุงปอดหรือวิตามินดีอยู่แล้ว อยากกินยาบำรุงเลือดเพิ่ม วันนี้เราก็จะมาขยายความเกี่ยวกับอาหารเสริมบำรุงเลือดเพิ่มเติมกันไปอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประโยชน์ ส่วนประกอบ ไปจนถึงยาบำรุงเลือดกินตอนไหนดีเลยทีเดียว จะมีตัวไหนน่าสนบ้าง ลุยเลย!
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
วิตามินบำรุงเลือด มีอะไรบ้าง
วิตามินบำรุงเลือดที่พบได้ในอาหารเสริมส่วนใหญ่จะมี 4 ชนิดหลัก ได้แก่ ธาตุเหล็ก วิตามินบี กรดโฟลิก และคอปเปอร์
- ธาตุเหล็ก เป็นองค์ประกอบหลักของเม็ดเลือดแดง ช่วยให้สร้างเม็ดเลือดแดงได้อย่างสมบูรณ์และลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดี
- กรดโฟลิก ช่วยกระตุ้นการสร้างและการแบ่งตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดง และมีความจำเป็นมากในหญิงตั้งครรภ์เพื่อช่วยสร้างระบบประสาทและป้องกันความผิดปกติของทารก
- วิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 12 ทำงานร่วมกับกรดโฟลิก ทำให้การเพิ่มจำนวนและการแบ่งตัวของเม็ดเลือดแดงสมบูรณ์ขึ้น
- คอปเปอร์หรือทองแดง เป็นองค์ประกอบสำคัญของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือด ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายนำธาตุเหล็กมาสร้างเม็ดเลือดแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรงขึ้น

เวียนหัวบ่อย กินวิตามินอะไรดี?
หลายคนอาจมีคำถามว่า เวียนหัวบ่อย กินวิตามินอะไรดี เราอาจะไม่ทราบว่า ‘ธาตุเหล็ก (Iron)’ เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก หากเราได้รับสารอาหาร วิตามิน หรือแร่ธาตุไม่พอ ก็อาจส่งผลต่อร่างกายไปจนถึงระบบประสาทเลยก็ว่าได้ อย่างที่ได้เกริ่นไปธาตุเหล็กมีส่วนช่วยในกระบวนการผลิตเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นตัวซึ่งจำเป็นต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้การเจริญเติบโตของร่างกายเป็นไปตามปกติ ถ้าเราได้รับธาตุเหล็กไม่พอ อาจทำให้เป็นโรคโลหิตจาง อ่อนเพลียได้ง่าย ดังนั้น ถ้าพูดภาพรวมการทานธาตุเหล็ก ก็เหมือนการสร้างภูมิร่างกายให้กับร่างกาย ถ้าน้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็ไม่ดี ทุกคนจึงต้องระวังเรื่องปริมาณ หรือจะปรึกษาแพทย์ก็ทำได้เช่นกัน
สัญญาณเตือน! ว่าร่างกายกำลังขาดธาตุเหล็ก

ภาวะขาดธาตุเหล็กเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเพศหรือช่วงอายุไหน แต่โดยส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิง รวมทั้งกลุ่มคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์มากกว่า ใครที่กังวลและไม่รู้ว่าตัวเองกำลังขาดธาตุเหล็กอยู่หรือเปล่า ก็สามารถเช็กตัวเองได้ในเบื้องต้น โดยการสังเกตุจากความอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้ามืด วิงเวียน ลิ้นอักเสบโดยไม่มีการติดเชื้อ ประสิทธิภาพของสมองลดลง ตัวซีด ริมฝีปากแห้งแตก โดยเฉพาะบริเวณมุมปาก มีอาการขาอยู่ไม่สุข (Restless Leg Syndrome) มือเย็น เท้าเย็น ใจสั่นได้ง่าย เป็นต้น ซึ่งถ้าใครมีเกณฑ์ว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มนี้ ก็สามารถพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา และวัดระดับธาตุเหล็กในร่างกายได้ หรืออาจเช็กง่าย ๆ ด้วยการไปบริจาคเลือดก็ได้เช่นกัน
ใครต้องกินวิตามินบำรุงเลือด?
1. ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง
โดยเฉพาะผู้ที่ขาดธาตุเหล็กและกรดโฟลิก ผู้ที่มีอาการโลหิตจางเป็นครั้งคราว เช่น ช่วงมีประจำเดือนมาก หรือหลังผ่าตัด สำหรับผู้ที่มีภาวะโลหิตจางเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานวิตามินบำรุงเลือดเอง เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
- ปริมาณที่ควรทาน
- วิตามินที่มีธาตุเหล็ก (15-30 mg./วัน)
- โฟลิก (300-400 mcg./วัน)
2. หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
ควรเลือกวิตามินบำรุงเลือดสำหรับคนท้อง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อการตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ แนะนำให้เริ่มทานก่อนตั้งครรภ์ 1-3 เดือน และทานต่อเนื่องจนให้นมบุตรเพื่อให้มีปริมาณสารอาหารเพียงพอต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มทานวิตามินบำรุงเลือดเสมอ และอย่าลืมอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจส่วนประกอบและปริมาณที่เหมาะสม
- ปริมาณที่ควรทาน
- วิตามินเหล่านี้มักมีกรดโฟลิก (400-800 mcg./วัน)
- ธาตุเหล็ก (45-60 mg./วัน)
- วิตามินบี 12 (600 mcg./วัน)
3. เด็กที่ขาดธาตุเหล็ก
ทารก 6 เดือน – 2 ปี มักได้รับธาตุเหล็กเพียงพอจากนมแม่ เด็ก 2 ปีขึ้นไป หากเสี่ยงขาดธาตุเหล็ก สามารถทานวิตามินเสริมได้ ควรเลือกวิตามินที่มีทั้งธาตุเหล็กและโฟลิก
- ปริมาณที่ควรทาน
- เด็ก 6-14 ปี: ธาตุเหล็ก 10-20 mg./วัน, โฟลิก 200-300 mcg./วัน
- เด็ก 2-6 ปี: ธาตุเหล็ก 5-10 mg./วัน, โฟลิก 150-200 mcg./วัน
วิธีเลือกยาบำรุงเลือด ยี่ห้อไหนดีให้เหมาะกับคุณ
วิตามินบำรุงเลือดมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อและสูตรผสม การเลือกวิตามินที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและตอบโจทย์ความต้องการของร่างกาย
1. เลือกให้ตรงกับสภาพร่างกาย
- วิตามินบำรุงเลือดมีหลายสูตร เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร หรือเด็กที่ขาดธาตุเหล็ก ควรพิจารณาเลือกสูตรที่ตรงกับสภาพร่างกายของคุณ
2. เลือกตามส่วนผสม
- แนะนำให้ทานวิตามินบำรุงเลือดสูตรผสม เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนและลดผลข้างเคียงจากการขาดสมดุลของวิตามินและแร่ธาตุ แต่สำหรับเด็กที่ขาดธาตุเหล็ก ควรเลือกอาหารเสริมธาตุเหล็กอย่างเดียว และใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ นอกจากธาตุเหล็ก โฟลิก และวิตามินบีที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการบำรุงเลือด เช่น:
- วิตามินซี: ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก เหมาะสำหรับทุกกลุ่มที่ทานอาหารเสริมธาตุเหล็ก
- วิตามินเอ: ช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
กินวิตามินบำรุงเลือดรูปแบบไหนดี
วิตามินบำรุงเลือดมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เพื่อให้คุณเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุด
- เม็ด:
- ข้อดี: ราคาเข้าถึงง่าย หาซื้อได้ทั่วไปเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมธาตุเหล็กในชีวิตประจำวัน
- ข้อเสีย: การดูดซึมอาจช้ากว่ารูปแบบอื่น และอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
- แคปซูล:
- ข้อดี: สามารถบรรจุสารอาหารได้หลากหลาย มีความเข้มข้นสูง ดูดซึมได้ดีกว่าแบบเม็ด มีให้เลือกทั้งแคปซูลแข็งและซอฟต์เจล
- ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าแบบเม็ด และขนาดอาจใหญ่เกินไปสำหรับบางคนเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง หรือหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องการสูตรเฉพาะ
- น้ำ:
- ข้อดี: ร่างกายดูดซึมได้เร็วที่สุด
- ข้อเสีย: อาจทำให้เกิดอาการไม่สบายท้อง รสชาติกินยากเพราะมีกลิ่นคล้ายสนิมจากธาตุเหล็ก บางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมของน้ำตาลหรือสารปรุงแต่ง เหมาะสำหรับเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกในการทานยาเม็ด
- เม็ดฟู่:
- ข้อดี: ทานง่าย มีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด
- ข้อเสีย: ราคาสูง อาจมีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง, เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงร่างกายโดยรวม หรือป้องกันการขาดวิตามินและแร่ธาตุ
10 แบรนด์ดัง ยาบำรุงเลือด ยี่ห้อไหนดี
1. Nutri Folic

ยาบำรุงเลือด ยี่ห้อไหนดีตัวแรก คือ นูทริ โฟลิค เป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพของผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง เหมาะมากกับคนที่อยากบำรุงเลือดแต่ไม่ต้องการธาตุเหล็ก อีกทั้งผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์ก็ทานได้ เพราะมีกรดโฟลิคที่สร้างเม็ดเลือดแดง ที่มีความจำเป็นในการสร้างส่วนประกอบสำคัญทางด้านพันธุกรรม คอยช่วยป้องกันความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้ แล้วคนอื่น ๆ สามารถทานได้หรือไม่ ? แน่นอนว่าทานได้ ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ เพราะเป็นช่วงวัยที่ควรได้รับกรดโฟลิคอย่างสม่ำเสมอ
ส่วนประกอบ : วิตามิน C, กรดโฟลิค, B6, B12, B1
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
ประโยชน์
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
- ลดอาการอ่อนล้าอ่อนเพลีย
- ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างระบบประสาทและสมองไปพร้อม ๆ กัน
- ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ
ข้อควรระวัง : แม้ Folic Acid ไม่เป็นอันตรายต่อทารก แต่หากกำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
2. Blackmores I-Folic

แบลคมอร์ส คือ แบรนด์ที่ถือกำเนิดขึ้นในประเทศออสเตรเลีย เป็นเวลายาวนานกว่า 80 ปี ด้วยการค้นคว้าและคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพสูง เข้าสู่กระบวนการผลิตที่ได้มาตราฐานสากล ผ่านการทดสอบและวิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอนของการผลิต แบลคมอร์สจึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมตัวเก่งตัวดังที่ผู้บริโภคไว้วางใจไปทั่วโลก ภายใต้คอนเซปท์ ‘ธรรมชาติคือคำตอบของสุขภาพ’ นั่นเอง เนื่องจาก Blackmore มีผลิตภัณฑ์ออกมาเยอะมาก ซึ่งตัวที่สามารถบำรุงเลือดได้ก็มีเช่นกัน ตัวที่แนะนำ คือ Blackmores I-Folic มีส่วนผสมของไอโอดีนและกรดโฟลิก ไอโอดีนเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของระบบประสาทและสมองของทารก กรดโฟลิกเป็นวิตามินบีที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและพัฒนาการของระบบประสาทของทารก การรับประทานกรดโฟลิกอย่างเพียงพอในช่วงก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ช่วยลดความเสี่ยงของความผิดปกติแต่กำเนิดของทารก เช่น ความผิดปกติของท่อประสาท
ส่วนประกอบ : ไอโอดีน, กรดโฟลิค
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : รับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมอาหารเช้า
ประโยชน์
- ช่วยให้ร่างกายได้รับไอโอดีนและกรดโฟลิกอย่างเพียงพอ เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์
ข้อควรระวัง : ควรอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์
3. FBC

ยาเอฟบีซี (FBC) เป็นยาที่ใช้รักษาภาวะโลหิตจาง อันมีสาเหตุจากผู้ป่วยไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ โดยส่วนประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินหรือแร่ธาตุ จะช่วยสนับสนุนให้ร่างกายสามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้ดีขึ้น และส่วนที่ได้ชื่อว่า FBC เขาก็มีที่จากการที่เขามีส่วนประกอบ F (Ferrous) คือธาตุเหล็ก , B (Vitamin B) , C (Vitamin C) เป็นองค์ประกอบในเม็ดนั้นเอง ถ้าใครเคยไปบริจาคเลือด ก็น่าจะคุ้นเคยกับยาบำรุงเลือดตัวนี้ดี เพราะ FBC เป็นยาที่เป็นที่นิยมมาก ๆ
ส่วนประกอบ : ferrous fumarate, B1, B2, B12, Vitamin C, niacin, Folic acid, Ca phosphate tribasic
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : ทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหาร 3 มื้อ
ประโยชน์
- ช่วยให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดใหม่ได้สมบูรณ์แข็งแรง
- ใช้บำรุงโลหิตและลดภาวะซีดจากผู้ที่เป็นโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
- ช่วยให้ร่างกายสร้างพลังงานจากสารอาหาร
ข้อควรระวัง : ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย (thalassemia) หรือ ผู้ที่เป็นพาหะธาลัสซีเมีย ไม่ควรทาน / ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่เป็น G-6-PD
4. NUTROPLEX OLIGO PLUS

ยาบำรุงเลือด ยี่ห้อไหนดีสำหรับเด็ก ลองดู NUTROPLEX OLIGO PLUS วิตามินรวม ผสม โอลิโกฟรุคโตส เหล็ก และ แอลไลซีน ที่ช่วยให้ลูกกินอาหารได้ดีขึ้น ช่วยปรับสมดุลระบบการขับถ่าย และที่สำคัญเป็น วิตามินรวมตัวเดียวที่มี “ธาตุเหล็ก” ที่ช่วย เสริมสร้าง บำรุงสมองให้ลูกในวัยเรียน มี Oligofructose ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น Prebiotic และใยอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยในการปรับสมดุลย์ด้านระบบทางเดินอาหาร และเพิ่มกากใยให้กับระบบทางเดินอาหาร ป้องกันท้องผูกได้ดี และยังเป็นสูตรปราศจากน้ำตาล ทำให้ไม่ก่อให้เกิดอาการฟันผุ และเหมาะสำหรับเด็กที่มีปัญหาด้านน้ำหนัก หรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน สามารถรับประทานได้
ส่วนประกอบ : Oligofructose, Lysine, Iron
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : เ
- เด็กอายุ 1-3 ปี รับประทานวันละ : ½ ช้อนชา
- เด็กอายุ 3-6 ปี รับประทานวันละ : 1 ช้อนชา
- เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป และ ผู้ใหญ่ รับประทานวันละ : 2 ช้อนชา
ประโยชน์
- เป็นวิตามินรวมสำหรับเด็กที่มีธาตุเหล็ก
- สูตรปราศจากน้ำตาล
ข้อควรระวัง : แนะนำควรรับประทานก่อนอาหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของธาตุเหล็ก
5. 21st Century

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม 21st Century เป็นแบรนด์ที่มีการบริโภคมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เพราะเขาโด่งดังเรื่องชื่อเสียงด้านคุณภาพ มีส่วนผสมที่มีคุณภาพเป็นกุญแจสำคัญ พร้อมได้รับการวิจัยควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ มีการทดสอบวัสดุ ทดลองกายภาพ เพื่อกำหนดสูตรที่แม่นยำได้ดังเช่นในปัจจุบัน เข้าสู่การขั้นตอนการผลิดที่เป็นเลิศ ภายใต้ขั้นตอนการปฏิบัติที่ได้มาตราฐาน พร้อมกับควบคุมการผลิตที่ได้คุณภาพ จนได้อาหารเสริม 21st Century สู่ออกท้องการตลาด
ส่วนประกอบ : ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, เซลลูโลส, กรดสเตียริก, ครอสคาร์เมลโลสโซเดียม, มอลโตเดกซ์ทริน
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : รับประทานวันละ 1 เม็ดพร้อมมื้ออาหาร
ประโยชน์
- มีธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือด
- ป้องกันอาการโรคโลหิตจาง ลดอาการอ่อนเพลียได้
- กำจัดโลหะหนักที่เป็นพิษออกจากร่างกาย
- มีแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- ช่วยบำรุงผิวพรรณสดใส
- เสริมประสิทธิภาพระบบภูมิต้านทาน พร้อมกับช่วยลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้
ข้อควรระวัง : ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ในกรณีที่ ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร ใช้ยา มีโรคประจำตัว
6. ยันฮี ไฮโมริน

ยาบำรุงเลือด ยี่ห้อไหนดี ตัวถัดมา คือ Yanhee Himorin (ยันฮี ไฮโมริน) เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ออกแบบมาเพื่อบำรุงโลหิตและป้องกันภาวะโลหิตจาง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการอ่อนเพลีย และบำรุงร่างกายโดยรวม ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมของวิตามินบีรวม (บี 1, บี 2, บี 6 และบี 12) ซึ่งมีบทบาทสำคัญบำรุงระบบประสาทและผิวพรรณ นอกจากนี้ยังมีผงดอกคำฝอย ซึ่งเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการลดระดับคอเลสเตอรอล บรรเทาอาการปวดประจำเดือน และช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ Yanhee Himorin จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงโลหิต เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และดูแลสุขภาพโดยรวม
ส่วนประกอบ : ธาตุเหล็ก, ซิงค์, วิตามินบี 1, 2, 6, และ 12, สังกะสี, กรดโฟลิค
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า
ประโยชน์
- มีธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือด
- ป้องกันอาการโรคโลหิตจาง ลดอาการอ่อนเพลียได้
- บำรุงระบบประสาทและผิวพรรณ
ข้อควรระวัง : เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
7. Swisse Ultinatal Pre-Conception & Pregnancy Multivitamin

วิตามิน ธาตุเหล็ก ยี่ห้อไหนดีสำหรับคนเตรียมตัวตั้งครรภ์ หรือคนทั้ง ต้องตัวนี้เลย Swisse Ultinatal Pre-Conception & Pregnancy Multivitamin แบรนด์จากออสเตรเลีย ช่วยสนับสนุนความต้องการทางโภชนาการที่เพิ่มขึ้นของผู้หญิงก่อน ระหว่าง และหลังการตั้งครรภ์ สูตรที่ครอบคลุมนี้ประกอบด้วยกรดโฟลิกและยังช่วยให้ทารกของคุณเติบโตและพัฒนาอย่างมีสุขภาพดี ประกอบด้วยสารอาหารที่สำคัญเพื่อช่วยเตรียมร่างกายสำหรับการตั้งครรภ์ รวมถึงกรดโฟลิก มีธาตุเหล็กต่ำซึ่งไม่ทำให้ท้องผูก
ส่วนประกอบ : กรดโฟลิก 250 ไมโครกรัม, โคลีน, ไตรกลีเซอไรด์โอเมก้า-3 จากปลาเข้มข้น 250 มก., ไบโอติน 15 ไมโครกรัม, วิตามินบีชนิดต่าง ๆ, ธาตุเหล็ก (จากเหล็ก II ไกลซิเนต 5 มก.)
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : 2 แคปซูลต่อวัน ระหว่างหรือหลังอาหารทันที หรือตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ
ประโยชน์
- เหมาะสำหรับผู้หญิงที่เตรียมตัวตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างตั้งครรภ์
- มีสารอาหาร 21 ชนิด ที่สำคัญมีธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และธาตุเหล็กในปริมาณต่ำ ทำให้ไม่ท้องผูก
ข้อควรระวัง : ผู้ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็กเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์
8. Swisse Ultiboost

ด้วยความเป็นแบรนด์ทีี่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับวิตามินและอาหารเสริม Swisse จึงมีมีธาตุเหล็กสำหรับบำรุงเลือดเช่นเดียวกัน Swisse Ultiboost ถูกออกแบบให้เสริมธาตุเหล็กให้สำหรับผู้ที่มีธาตุเหล็กในร่างกายต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเหนื่อยล้า คนทานมังสวิรัติ และคนตั้งครรภ์ทานได้ ซึ่งผู้ใช้จริงส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า มีส่วนช่วยรักษาระดับธาตุเหล็กได้ดี ผลข้างเคียงต่ำมาก และไม่มีอาการท้องผูกตามมา เป็นแบรนด์ดวงใจของหลาย ๆ คน ถ้ามีคนถามว่ายาบำรุงโลหิตจาง ยี่ห้อไหนดี รับประกันว่าต้องมีแบรนด์นี้ในลิสต์แน่นอน!
ส่วนประกอบ : ธาตุเหล็ก, สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina), Iron Amino Acid Chelate, วิตามิน C, B6
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : รับประทานวันละ 1 เม็ด ระหว่างหรือหลังอาหารทันที
ประโยชน์
- เหมาะสำหรับผู้ทานมังสวิรัติและในระหว่างตั้งครรภ์
- มีธาตุเหล็กที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง
- มีวิตามินซี เพื่อช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย
- มีแหล่งโปรตีนบำรุงกล้ามเนื้อและช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ข้อควรระวัง : ผู้ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็กเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์
9. DHC

อาหารเสริมที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น และคงไม่มีใครไม่คุ้นหูคุ้นตากับ Dhc แบรนด์ยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องสำอางของญี่ปุ่น เน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาน่าคบทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากผู้ใช้ในญี่ปุ่นและหลายประเทศทั่วโลก ใครที่ต้องการเสริมธาตุเหล็กอย่างเต็มที่ และไม่รู้จะเลือกยาบำรุงเลือด ยี่ห้อไหนดี Dhc ก็เป็นแบรนด์ที่น่าสนใจเลยทีเดียว
ส่วนประกอบ : ธาตุเหล็ก, กรดโฟลิค, วิตามินบี 12
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : รับประทานวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหาร เช้า – เย็น
ประโยชน์
- เสริมการทำงานของเม็ดเลือดแดง
- มีวิตามินช่วยให้ร่างการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใส ชนิดที่ว่าดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ช่วยในเรื่องการบำรุงสมองและระบบประสาท
ข้อควรระวัง : เด็กและสตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
10. Nature’s Bounty

ด้วยการผสมผสานนวัตกรรมล่าสุดในด้านวิทยาศาสตร์โภชนาการเข้ากับส่วนผสมที่ดีที่สุด Nature’s Bounty ได้เลือกนำเสนอผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณภาพและคุณค่าแก่ผู้คน เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์และสุขภาพร่างกาย ดูแลโดยนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต และผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพ มั่นใจได้ด้วยคุณภาพโรงงานที่ได้รับการตรวจสอบอย่างประสบความสำเร็จโดย United States Pharmacopeia and STR (Specialized Technology Resources) ซึ่งเป็นบริษัทประเมินคุณภาพผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอิสระชั้นนำ!
ส่วนประกอบ : Iron >> ธาตุเหล็ก (เช่น เฟอร์รัสซัลเฟต) / Gentle Iron >> ธาตุเหล็ก, กรดโฟลิค, วิตามินซี, วิตามินบี 12
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : วันละ 1 แคปซูล (ระหว่างมื้ออาหาร)
ประโยชน์
- ช่วยในการบำรุงโลหิต ป้องกันโลหิตจาง
- ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
- รองรับการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง
- Gentle Iron เป็นสูตรอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองกระเพราะอาหาร
ข้อควรระวัง : ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี, สตรีมีครรภ์ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนทาน
ตัวช่วยดูแลสุขภาพ พร้อมทานยาบำรุงเลือด ยี่ห้อไหนดี
จะเห็นได้ว่าอาหารเสริมบำรุงเลือดแต่ละตัวที่หยิบมาแนะนำ ต่างก็มีสรรพคุณและส่วนประกอบแตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ใดใดอย่าลืมว่าอาหารเสริมก็เป็นแค่ตัวช่วยที่ช่วยให้เราได้สารอาหารครบในกรณีที่เราขาดสารอาหารชนิดนั้นจริง ๆ ซึ่งใครที่กำลังหาว่ายาบำรุงเลือด ยี่ห้อไหนดี ก็ต้องหาศึกษาข้อมูล หรือควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน ยิ่งหากตัวเองมีเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น โรคประจำตัวที่เกี่ยวกับโลหิตวิทยา หรือโรคอื่น ๆ ที่อาจมีผลกระทบ ก็ไม่ควรฝืนทาน เพราะจากที่จะให้ประโยชน์ก็อาจทำให้เกิดโทษแทน นอกจากยาบำรุงเลือดแล้ว Shopee Blog ยังมีบทความแนะนำวิตามินอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโพรไบโอติกส์ ยี่ห้อไหนดี ตัวช่วยสำหรับคนต้องการปรับสมดุลลำไส้ น้ํามันปลายี่ห้อไหนดี วิตามินรวม ฯลฯ ใครที่กำลังหาซื้อวิตามินอยู่ บอกเลยว่าบทความสุขภาพของเราช่วยคุณในการตัดสินใจได้